ผู้นำที่แท้จริง ถ้าผมเก่งได้สัก 10% ของ ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ ผมคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลก
ผู้นำที่แท้จริง ฮาเวียร์ซา เน็ตติ คือมนุษย์ 3 ปอดที่แฟนบอลทั่วโลกนึก ถึงเป็นคนแรกๆ ภาพของวิงแบ็กที่วิ่ง
ขึ้นลงไม่มีหมด หรือแม้กระทั่งในวัย 35 ปี กับการเป็นมิดฟิลด์สไตล์ บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ไปทุกๆที่ที่มีบอล แต่ใคร
เลยจะรู้ว่าก่อนที่จะวิ่ง ลืมตายเหมือนมีปอด 3 ข้างแบบนี้ซา เน็ตติเคยหายใจเองไม่ได้มา ก่อนในครั้งที่เขาลืม
ตาดูโลกในกรุงบัวโนสไอเรส
เมืองหลวงของ ประเทศอาร์เจนตินา ในปี 1973 แพทย์ผู้ทำคลอดเด็กชาย ฮาเวียร์ นั้นต้องใช้ฝีมือแบบสุด
กำลัง เพราะหลังจากเพิ่งลืม ตาดูโลกได้ไม่นานนัก เขาก็มีปัญหาทางด้านระบบทางเดินหายใจ การรักษา
สามารถยื้อชีวิตให้เขาอยู่ต่อไปได้ แต่ปัญหาคือเด็กหนุ่ม ย่านยากจนของเมือง มีปัญหาเรื่องร่างกายที่อ่อน
แอกว่าเด็กทั่วไป ชีวิตคนเราบางครั้งก็เลือกไม่ได้ แม้จะอ่อนแอแค่ไหน
แต่เมื่อถึงวัยที่ต้องทำงาน ฮาเวียร์ซาเน็ต ติก็ต้องติดสอยห้อย ตามพ่อของเขาไป พ่อของเขาเป็นคนงาน
ทั่วไป ทำงานสารพัดตั้งแต่ ก่อสร้างจนไปถึงส่งนม ซึ่งซาเน็ต ติทำหน้าที่แบกลังนม ช่วยพ่อตั้งแต่เด็กๆ
เขาทำงานครั้งละ 4 ชั่วโมง ตื่นตี 4 และออกไปส่งนมตามบ้านต่างๆ จนถึง 8 โมงเช้าถ้าผมเก่งได้สัก 10%
ของฮา เวียร์ซา เน็ตติผมคงเป็นหนึ่งในผู้ เล่นที่เก่งที่สุดในโลก” ดาวรุ่งคนหนึ่งของทีม งูใหญ่
ยอมรับอย่างโดยดี หลังได้เป็นลูกทีมของ “อิล กาปิตาโน่”อินเตอร์ มิลาน ห่างหายความสำเร็จไปนานใน
ช่วงยุค 90s พวกเขาต้านคู่แข่งอย่าง เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส ไม่ไหว จนกระทั่งการมาของ ฮาเวียร์
ซา เน็ตติ แข้งโนเนมจาก อาร์เจนตินา ผู้มาใหม่คนนี้ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้.. 20 ปีแห่งความยิ่ง
ใหญ่ ในฐานะ “ผู้นำที่แท้จริง” ดูบอลสด
ยังคงเป็นตำนานจนทุกครั้งที่ ไม่สู้ก็ซี้ ชีวิตมันก็แบบนั้น
และบางครั้งการสู้นำมา ซึ่งผลลัพธ์ที่แตกต่างฮา เวียร์ซาเน็ต ติ งนมอยู่หลายปีจนกระทั่งอายุ 12 ปี
กลับกลาย เป็นว่ามันเหมือน การได้ออก กำลังกาย ในทางอ้อม จากที่เคยเป็น เด็กที่แค่ หายใจก็
ยังเหนื่อย ร่างกายของเขา แข็งแรงขึ้นทุกที สามารถออกกำลังกายหนักๆ อย่างเช่น เล่นฟุตบอลได้
และเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็เริ่มสนุกกับมัน
จนกระทั่งได้เป็นตัวแทน ของทีมฟุตบอลท้องถิ่นสำหรับ เยาวชนที่สร้างขึ้น เพื่อให้เด็กๆที่มาจากครอบ
ครัวในย่านยากจนมี โอกาสได้สัมผัสกับฟุตบอล ที่ถูกต้องอย่างแท้ จริงซา เน็ตติเด่นเกินเพื่อนทุกคน
ในทีม ตาเยเรส สโมสรละแวกท้องถิ่นของเขา ก่อนที่ บานฟิลด์ สโมสรในลีกสูงสุด จะเซ็นสัญญา
ไปร่วมทีมเมื่ออายุ 20 ปี เขาใส่หมายเลข 4 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เบอร์นี้ก็เป็นเบอร์ประจำตัวของเขา..สไตล์การเล่นแบบวิงแบ็กอเมริกาใต้ วิ่งไม่หยุด ขึ้นลงไม่เหนื่อย
ทำให้เอเย่นต์ที่ชื่อว่า อังเคลินโญ่ นำชื่อของเขาไปเสนอกับ มัสซิโม โมรัตติ พร้อมกับวีดีโอบันทึก
การเล่นม้วนหนึ่งของเขา ซึ่งประทับใจ โมรัตติ มาก ทักษะการเลี้ยงบอลที่ ติดเท้าบวกกับพลังแฝงที่
จะเก่งได้กว่านี้อีก ทำให้ อินเตอร์ มิลาน
ตัดสินใจคว้าตัวเขามาร่วมทีมตอนอายุ 21 ปี และเมื่อซา เน็ตติได้ลงซ้อมกับทีมเป็นครั้งแรกในปี
1995 ก็เกิดเรื่องเล่าขานขึ้นมากมายจูเซ็ปเป้ แบร์โกมี่ นักเตะตำแหน่งกองหลังที่เป็นซีเนียร์ในทีม
และเป็นกัปตัน ณ เวลานั้น ยังจำความดุดันของเด็กหนุ่มจากอาร์เจนตินาได้ดี ปกติแล้วนักเตะจาก
ประเทศนี้มักจะมาใน รูปแบบของจอมเทคนิค และศิลปินฟุตบอล
ทำตามอารมณ์มากกว่าตามแบบแผน แต่ซาเน็ต ตินั้นแตกต่างจากต้นแบบเดิมๆ อย่างสุดขั้วการรอ
คอยนั้นหอมหวานเสมอ เมื่อเวลาผ่านไปซา เน็ตติกลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพลของสโมสรที่เพื่อน
ร่วมทีมทุกคนไม่ใช่แค่ยอมรับในฝีเท้า แต่ทุกคนให้ความเคารพ ในตัวเขาอย่างแท้จริง ในยุคที่ ซา
เน็ตติ สวมปลอกแขน ผู้นำที่แท้จริง
เขาไม่เคยมีปัญหา กับนักเตะในทีมคนไหน และความเป็นผู้นำใน แบบเขาที่เสียสละ มุ่งมั่น และ
ภักดี ทำให้ อินเตอร์ กวาดความสำเร็จมากมาย ในเวลาต่อมามาร์โก มาเตรัซซี่ กองหลังที่ขึ้น
ชื่อว่าเป็นพวกหัวแข็ง ไม่กลัวใครยังยอมรับว่า การมีซา เน็ตติอยู่ในทีม
คือการทำให้ทุกคน มีตัวอย่างที่ดี แม้แต่ตัวของเขาเอง ที่เป็นแบดบอย ยังยอมรับว่าซาเน็ต ติ
มีออร่าความเป็นผู้ นำแบบสูงส่งทุกคนสามารถ เชื่อมั่นในตัวของ อิล กาปิตาโน่ คนนี้ได้เสมอ