เปลี่ยนเสียใจเป็นพลัง ผู้เป็นพ่อคือเหตุผลที่เขาจะพัฒนาตัวเองให้เก่ง

เปลี่ยนเสียใจเป็นพลัง โรนัล โด้เติบโตขึ้นบนเส้นทาง นักเตะอาชีพแบบ ที่เรารู้กัน เขากลายเป็นนักเตะ ที่ดี
ที่สุดในอคาเดมีของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน จากนั้นไม่นานก็ถูกซื้อตัวไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2003
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลา ที่เขาต้องแยกจากครอบครัว มาอยู่ที่อังกฤษแบบตัวคนเดียว และทำให้ความสัมพันธ์
ระหว่างเขากับ พ่อห่างเหินออกไปอีก

คำพูดนั้นคือเหตุผลที่ทำให้โร นัลโด้ร้องไห้บ่อน้ำตาแตกไม่อายใคร หลัง โปรตุเกส ที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอล
ยูโร 2004 แพ้ให้กับ กรีซ ในนัดชิงชนะเลิศ มันก็ใช่ที่เขาเสียใจ กับผลการแข่งขัน แต่เขาเปิดเผยว่า ที่เขา
ร้องไห้ก็เป็นเพราะเขา ไม่สามารถทำตามสัญญา ที่ให้ไว้กับพ่อได้ เพราะเขารู้ดีว่า เวลาของพ่อเหลืออีกไม่
มากอย่างไรก็ตามโรนัล โด้ยังจำภาพของพ่อที่ปลูก ฝังเขาในตอนเด็กได้ขึ้นใจ

เปลี่ยนเสียใจเป็นพลัง

เมื่อเขาติดทีมชาติโปรตุเกส เขากลับไปบอก กับพ่อเขาว่า “ผมจะคว้าแชมป์กับทีม ชาติโปรตุเกสเป็นของ
ขวัญให้พ่อเอง” … เขายังคงอยากทำให้ พ่อภูมิใจเหมือนกับ ตอนที่ตัวเองอายุไม่ถึง 10 ขวบได้ดีเสมอ ”
เมื่อเราไล่ล่าสิ่งหนึ่ง อีกสิ่งหนึ่งก็จะ ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ประโยคนี้อธิบายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง โชเซ่ และ
คริสเตียโน่ ได้เป็นอย่างดี ระหว่างที่โรนัล โด้เปิดตัวร้อนแรงกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

และก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะ ทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่ สุขภาพของ โชเซ่ ก็นับถอยหลังไปเรื่อย ๆ เขาให้ความ
สำคัญเกี่ยวกับอาการของพ่อมาก ติดตามขั้นตอน การรักษาทุกระยะ ถึงขั้นที่ว่าในช่วงที่ เกมการแข่งขัน
ฤดูกาล 2005-06 กำลังเริ่มต้น อย่างเข้มข้นโร นัลโด้กลับออกปากขอกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ
ของทีมว่า เขาไม่พร้อมลงเล่น ดูบอลสด

เพราะอาการของพ่อทรุดหนัก และอยากจะไปอยู่ข้าง ๆ พ่อของเขา

สิ่งที่ เฟอร์กี้ ตอบกลับคือ “คริสเตียโน่ นายอยากจะไป 1 ถึง 2 วัน หรือว่า 1 สัปดาห์เลยก็ได้”1 ปีหลังจาก
นั้น ร่างกายของ โชเซ่ ก็ทรุดหนักแบบจริงจังโรนัล โด้ที่กำลังเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับพ่อของเขามา
รักษาที่โรงพยาบาล ในกรุงลอนดอน เพื่อให้เขามีเวลาใกล้ชิด กับพ่ออีกครั้ง ซึ่งโรนัล โด้มักจะหาโอกาส
เดินทางจาก เมืองแมนเชสเตอร์ แวะไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลเสมอ ขาได้มาอยู่ข้าง ๆ

และดูแลพ่อก็จริง ทว่าหนนี้เวลาไม่คอยท่า แม้โรนัล โด้จะพยายามทุกทางและมอบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี
เพื่อให้พ่อกลับมามีชีวิตใหม่ แต่ความตายนั้นคือ สิ่งที่ใจร้ายกับมนุษย์เราเสมอ … มันไม่สนว่าคุณจะใหญ่
มาจากไหน ไม่สนใจว่าคุณจะมีเงิน ในบัญชีกี่พันล้าน มันไม่เคยรับฟังความ เห็นใจจากใคร ไม่มีการทด
เวลาให้ทำใจ เปลี่ยนเสียใจเป็นพลัง

เมื่อถึงที่แล้วไม่อาจ มีใครหนีจากมันรอดสักราย … โชเซ่ ดินิส อาเวโร่ ก็เช่นกัน เขาจากไปในเดือนกันยา
ยนปี 2005 และเหตุการณ์นี้ ทำให้โรนัล โด้เกิดความรู้สึก 2 แบบขึ้นมาในจิตใจตัวเอง 1. คือเขาเสียใจที่ดู
แลพ่อได้ไม่ดีพอ และ 2. คือนับจากนี้ไปเขาจะพยายามให้หนักมากกว่าที่เคยเป็น เพื่อก้าวไปถึงจุดที่ยิ่ง
ใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล

เพื่ออย่างน้อยให้พ่อมองลงมาและภูมิใจกับลูกชายคนสุดท้องคนนี้ หลังจากเหตุการณ์สูญเสียพ่ออันเป็น
ที่รัก ไม่มีใครปฏิเสธว่า คริสเตียโน่โรนัล โด้คือนักเตะที่มีความกระหายมากที่สุดเท่าที่โลกเคยมี เขาพัฒ
นาตัวเองขึ้น และทำได้อย่างก้าวกระโดด จากนักเตะดาวรุ่ง สู่นักเตะตัวหลัก จนกระทั่งกลายเป็นผู้
เล่นที่สามารถชี้ขาดผลการแข่งขันให้กับทีม หรือว่าง่าย ๆ คือเป็น “ตัวแบก” ของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด

 

เปลี่ยนเสียใจเป็นพลัง

ได้ภายในเวลาแค่ 1 ปีหลังจากนั้นโรนัล โด้พา ยูไนเต็ด คว้าทุกแชมป์ที่ลงสนาม ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ
เรอัล มาดริด รวมถึง ยูเวนตุส และสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่มากกว่าที่ใด เขายังเป็นผู้ชนะเสมอไม่ว่า
จะในหรือนอกสนาม ทุกคร้ังที่ลงแข่งโร นัลโด้ตั้งเป้าที่ตำแหน่งแชมป์เท่านั้นเมื่อกาลเวลาผ่านไป ทุกอย่าง
ได้ถูกตกผลึกโดยสมบูรณ์แบบ ความห่างเหินที่เกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น เปลี่ยนเสียใจเป็นพลัง

ไม่สามารถลบล้างความจริงที่ว่าอดีตทหารผ่านศึกผู้สูญสิ้นทุกอย่าง ได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้วที่จะพา
ครอบครัวไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี … แม้ในวันที่ โชเซ่ ดินิส อาเวโร่ มีชีวิต เขาอาจจะ
ไม่ได้พาลูกชายไปถึงฝั่ง แต่อย่างน้อยการจากไปของเขา ก็แสดงให้เห็นว่าคือพลังสำคัญที่ผลักดันลูก
ชายคนสุดท้องให้เดินไปข้างหน้าจนสุดทาง ประเด็นอาร์เซน่อล ข่าวบอลล่าสุด