ไม่มีผู้ใดกล้า ประเภทที่ว่ากันว่าถ้าเกิดเขาหายไปแล้วมันก็จะทำให้เกิดผลเสียกับกลุ่มในระดับหนึ่ง  

ไม่มีผู้ใดกล้า ฉะนั้น ที่ผ่านมาบรรดาแฟนบอล เลยหวาดเสียวกันสุดๆ ในเวลาที่มีข่าวลือว่าตัวนักเตะ ไม่ชอบใจข้อตกลงฉบับใหม่ ที่สังกัดเดิมยื่นให้ เพราะเห็นว่าค่าจ้าง มันไม่เพียงพอ แถมยังมารู้อีกว่า จัดแจงจะประเคนค่าแรงงานให้ ลิโอเนล เมสซี่ มากยิ่งกว่าที่ยื่นให้เขาซะอีก งานนี้พูดได้ว่า

อย่างไรก็แล้วแต่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดีสำหรับกลุ่มสีฟ้าในเมืองแมนเชสเตอร์ หลังจากที่ จอมบุกวัย 29 ปี ต่อสัญญากับกลุ่มอย่างเป็นทางการกระทั่งทำให้มันจะส่งผลไปจนกระทั่งช่วงซัมเมอร์ ปี 2025 แม้กระนั้น ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาชั้นหนึ่งก็เปิดเผยว่าทั้งหมดทุกอย่างมันมิได้เรียบง่าย และก็ เดอ บรอยน์ ลงทุนหนักมากมายเพื่อได้อยู่กับกลุ่มถัดไป

เกริ่นก่อนว่า เคยไม่ชอบใจกับเหตุการณ์ของตนจริงๆ โดยเมื่อตอนเดือนพฤศจิกายนก่อนหน้านี้ ไม่มีผู้ใดกล้า เขาพร่ำบ่นกับสหายร่วมกลุ่มชาติเบลเยียม เหตุว่าข้อตกลงฉบับแรกที่ แมนฯ ซิตี้ ยื่นให้มนต่ำลงยิ่งกว่าที่เขามุ่งมาดเอาไว้ โดยแม้กระทั่งนับรวมข้อจำกัดโบนัสเข้าไปด้วยมันก็ยังน้อยกว่าที่เขาได้รับอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ในตอนนี้เลย

ไม่มีผู้ใดกล้า

แต่ ในใจของเขานั้น เขายังต้องการอยู่ ถัดไปเยอะที่สุด เขาก็แค่ต้องการที่จะให้ชมรม มอบข้อตกลงที่คู่ควรกับจุดสำคัญ ที่เขามีต่อกลุ่มเพียงแค่นั้น ปัญหาคือมันจำเป็นต้องทำอย่างไรถึงจะก่อให้คนใหญ่โต เชื่อตามเขาได้ ?

คำตอบก็คือ ลงทุนว่าจ้างคณะทำงานวิเคราะห์ข้อมูล ให้มาพินิจพิจารณาผลงาน ที่เขามีต่อกลุ่มในดูเหมือนจะทุกข้าง ในตอนไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเขาต้องการรู้ว่าผลงานของตนทำให้เกิดผลเสียกับกลุ่มแค่ไหน

แถมยังให้คณะทำงานชุดนั้น พินิจพิจารณาเพราะ ได้โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายถัดไปอีกแค่ไหน ในระยะหลังจากนี้ถ้าหากพิจารณาถึงอายุของขุมกำลังและก็ประสิทธิภาพของกลุ่ม

ไม่เพียงแค่นั้น เดอ บรอยน์ ยังให้คณะทำงานทดลองพินิจพิจารณาเพราะบรรดาคู่แข่งขัน อีกทั้งในประเทศ และก็ต่างถิ่นจะมีภาวะแบบไหน ในระยะหลังจากนี้ เนื่องจากมันจะมีผลให้สามารถประเมินการบรรลุผลของกลุ่มได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ในที่สุดแล้วผลจากการวิเคราะห์ก็คือ ได้มีความคิดเห็นว่าเขาเป็นเฟืองที่สำคัญ ต่อกลุ่มมากมายๆ รวมทั้งหากไปอยู่กับกลุ่มอื่น เขาก็คงไม่มีความจำเป็นมากมายพอๆ กับในสีเสื้อ เรื่องดังกล่าวมีส่วนทำให้การพูดจาเรื่องต่อสัญญามันเริ่มรุดหน้าไปได้เร็วขึ้น ในตอนต้นอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ก่อนจะลงเอยด้วยดีโดยที่ ได้รับค่าแรงโดยรวมอาทิตย์ละเกือบจะ 400,000 ปอนด์ ในขณะที่ก่อนหน้านั้นการสนทนาหัวข้อนี้มันเกือบจะไม่มีความก้าวหน้าที่ดีเลย การสนทนาทั้งปวงนี้สำเร็จโดยที่ เดอ บรอยน์ มิได้ใช้เอเยนต์มาคุยเลยด้วย

แม้กระนั้นก็ยังมี เฮอร์วิก คุณพ่อของเขาที่เป็นทนายความ มาช่วยทำข้อตกลง พูดได้ว่านอกจากจะละเอียด กับการเล่นในสนามแล้วนั้น เดอ บรอยน์ ก็ยังละเอียดเกี่ยวกับการวินิจฉัยอนาคตของตนเช่นเดียวกัน ข่าวบอลล่าสุด

 

มากเอาการ เปิดเผยเรือใบจำต้องสูญเงินมากแค่ไหนหากได้4แชมป์

คีแรน แม็กไกวร์ ผู้ชำนาญทางด้านการเงินของโลกบอล กำหนด ถ้าฤดูกาลนี้ ได้แชมป์รายการใหญ่ มาครอบครองครบทั้งยัง 4 รายการ พวกเขาก็จะต้องเสียตังค์ถึงมากยิ่งกว่า 158 ล้านปอนด์ จากโบนัสในข้อตกลงของนักฟุตบอล แล้วก็ค่าข้อแม้จากการย้ายกลุ่มที่ผ่านๆมา โดยที่แท้ฤดูกาลก่อน “เรือใบสีฟ้า” ก็จำเป็นต้องสูญเงินโตในด้านนี้เช่นกัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องเสียตังค์เป็นปริมาณรวม 158,245,080 ปอนด์ (ราวๆ 6,329.80 ล้านบาท) อีกทั้งจากข้อจำกัดในคำสัญญากับนักฟุตบอล รวมทั้งอ็อปชั่นเสริมเติมจากดีลการย้ายกลุ่มต่างๆถ้าในช่วงฤดูกาลนี้พวกเขาได้แชมป์มาครอบครองได้ครบอีกทั้ง 4 รายการ ตามการวิเคราะห์ของ คีแรน แม็กไกวร์ ผู้ชำนาญทางการเงินในแวดวงลูกหนัง

ไม่มีผู้ใดกล้า

“เรือใบสีฟ้า” ได้โอกาสสูงที่กำลังจะได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปครอบครอง ภายหลังที่ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นอันดับ 2 สูงถึง 14 คะแนน แม้ว่าจะลงเล่นมากยิ่งกว่า “อสุรกายแดง” 1 เกมก็ตาม เวลาที่ในศึก คาราบาว คัพ ดูบอลสด

พวกเขาก็มีคิวลงเล่นรอบชิงแชมป์กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แถมกลุ่มของผู้จัดการทีมฟุตบอล โจเซป กวาร์ดิโอล่า ยังอยู่ในทางการลุ้นแชมป์ของทั้ง เอฟเอ รวมทั้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย หลังตอนนี้อยู่ในรอบรองชนะเลิศกับรอบ 8 กลุ่มสุดท้าย เป็นลำดับ

“โน่นเป็นข้อตกลงในข้อตกลงรวมทั้งกติกาการย้ายกลุ่ม ข้อตกลงของนักเตะทุกคนมีเนื้อหานิดๆหน่อยๆกันทั้งหมด ส่วนการย้ายกลุ่มแต่ละครั้งมันก็จะมีเงื่อนไขที่ว่าแต่ละกลุ่มจะต้องชำระเงินเพิ่มถ้าเกิดสมาพันธ์กระทำตามจุดหมายได้ในระดับหนึ่ง” แม็กไกวร์ กำหนด

มีการเผยเพราะว่าแท้จริงฤดูก่อน ก็จะต้องเสียค่าโบนัสกับข้อจำกัดต่างๆเป็นเงินเกิน 200 ล้านปอนด์ (ราวๆ 8,000 ล้านบาท) ในขณะที่พวกเขาได้แค่เพียงแชมป์ คาราบาว กับ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ไปครอบครอง โดยก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีกลุ่มจากอังกฤษที่ได้ทั้งยังแชมป์ พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ และก็ ลีก คัพ (ชื่อเดิมของ คาราบาว ) ด้านในฤดูเดียวกันเลย